Opensea vs. Looksrare ต่างกันอย่างไร?

เจาะลึกความต่างระหว่าง Opensea และ Looksrare แพลตฟอร์ม NFT ชื่อดัง

หากพูดถึงแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT คงไม่มีใครไม่รู้จัก Opensea ซึ่ง ณ​ ปัจจุบันได้มีผู้ท้าชิงที่น่าสนใจอย่าง Looksrare ปรากฎตัวขึ้น และใครหลาย ๆ คนให้ความสนใจกับแพลตฟอร์มใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว



ถ้าคุณพร้อม! ก็มาทำความเข้าใจข้อแตกต่างระหว่าง NFT Marketplace ทั้ง 2 ได้ด้านล่างนี้เลย!





Opensea คืออะไร?



Opensea คือแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ที่มีปริมาณซื้อขาย (Trading Volume) มากที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2017 ซึ่งถือเป็นตลาด NFT แรกของโลก และมี NFTs บนแพลตฟอร์มมากกว่า 80 ล้าน ผลงานของศิลปินทั่วโลก ซึ่ง NFT สามารถเป็นได้ทั้งผลงานศิลปะ ดนตรี ภาพถ่าย ไปจนถึงสิ่งของบนโลกดิจิทัล (Virtual World) เป็นต้น



ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา Opensea ได้มีการเข้าซื้อกิจการของ Gem หรือแพลตฟอร์มที่รวบรวม NFT Marketplace บน Ethereum หลากหลายแพลตฟอร์มมาไว้ในที่เดียว เพื่อเปิดประสบการณ์การซื้อขายของนักลงทุนมืออาชีพที่มีความต้องการในการเปรียบเทียบราคาของผลงานแต่ละ Collection 



มากไปกว่านั้น Opensea ยังได้มีการนำระบบของ Seaport เข้ามาใช้งานเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานไปพร้อม ๆ กับการประหยัดค่า Gas กว่า 35% หากเปรียบเทียบกับข้อมูลในปีที่ผ่านมาที่มีการใช้งานระบบเก่าอย่าง Wyvern Protocol 





Looksrare คืออะไร?



Looksrare คือแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ถูกสร้างขึ้นเมื่อมกราคมปี 2022 หรือต้นปีที่ผ่านมา และเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายที่แรกที่มอบรางวัล (Reward) เป็นเหรียญ LOOKS แก่ผู้ใช้ที่เข้ามาซื้อขายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ใช้สามารถนำเหรียญไปซื้อขายหรือใช้งานต่อก็ได้ ส่งผลให้ใครหลายคนมองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาท้าชิงตำแหน่งของ Opensea ได้



ล่าสุดทาง Looksrare ก็ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Listing Reward สำหรับ Collection ที่ Trading Volume สูงในช่วงเวลานั้น ๆ เพียงแค่นักลงทุนตั้งขาย NFT ก็สามารถรับเหรียญ LOOKS ได้ตามเงื่อนไขของแพลตฟอร์ม รวมถึงการตั้งขาย NFT 2 ชิ้น ที่เวลาเกิดการขาย NFT สำเร็จ 1 ชิ้น ระบบจะทำการ Delist NFT อีกชิ้นลงทันทีเพื่อเพิ่มความสะดวกต่อนักลงทุนที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขาย NFT ชิ้นไหนดี 





ความแตกต่างระหว่าง Opensea และ Looksrare



Opensea คือแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ที่มีปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) สูงที่สุดหากเปรียบเทียบกับทุกแพลตฟอร์ม และรองรับ NFT จากเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Ethereum, Polygon, Kalytn, และ Solana เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีความน่าเชื่อถือและมีจำนวนฐานผู้ใช้ นักลงทุน รวมถึงศิลปินเข้ามาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ 



ทาง Opensea ก็ยังพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่นการใช้งานแพลตฟอร์ม ค่า Gas ที่ลดลง การมีแพลตฟอร์มกลางอย่าง Gem ที่จะเข้ามาผลักดัน Opensea และเป็นที่น่าจับตามองว่า ทาง Opensea จะออกโทเคนประจำแพลตฟอร์มเมื่อไหร่



Looksrare คือแพลตฟอร์มที่มาพร้อมกับกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบในการดึงผู้ใช้เข้ามาในแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ถูกกว่า การซื้อขาย NFT หรือการตั้งขาย (Listing) ที่จะมอบโทเคน Looksrare (LOOKS) ให้กับนักลงทุน และผู้ใช้สามารถนำ LOOKS ไป Staking เพื่อรับผลตอบแทนเป็น LOOKS และ WETH (Wrapped Ethereum) ที่มาจากค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย (Trading Fee) ของผู้ใช้บน Looksrare ทั้งหมด



รวมถึงฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในวิธีที่ต่างกับ Opensea เช่นการโชว์ Rarity Ranking ของ NFT ชิ้นนั้น ๆ ที่ Opensea ยังไม่มี ณ ขณะนี้ หรือการตั้งขาย NFT 2 ชิ้นและจะถอนคำสั่งตั้งขายเมื่อมีการขายไปแล้ว 1 ชิ้น







หากอ้างอิงจากข้อมูลการเปรียบเทียบยอดการซื้อขายต่อวันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่เราหยิบ 2 แพลตฟอร์มมาเปรียบเทียบกันเพราะถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงและมีโอกาสมากที่สุด แม้ปัจจุบันจะมีแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT จำนวนมากแต่การมาของ Looksrare ได้มีการดึง Volume จากฝั่ง Opensea ในปริมาณที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก



สรุป



แม้ว่า Opensea คือแพลตฟอร์มอันดับ 1 สำหรับการซื้อขาย NFT ทว่า Looksrare ก็ถือว่ามาแรงมากพอสมควร ซึ่งผู้ท้าชิงคนนี้ถือว่าน่าจับตาเพราะมีฟังก์ชันและสิทธิพิเศษที่มอบให้กับผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม เพื่อชักจูงนักลงทุนให้เข้ามาในแพลตฟอร์มได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว



อย่างไรก็ตาม ทาง 2 แพลตฟอร์มล้วนประกอบไปด้วยข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป นักลงทุนควรศึกษาหาข้อมูลก่อนการลงทุนอยู่เสมอ เปรียบเสมือนภูมิคุ้มกันด้านการลงทุนที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ



อ้างอิง:

Coinsutra, Coinbase, Learnbybit, Opensea, Looksrare, Yahoo Finance